ฟุตบอลโลก 2569
ฟุตบอลโลก 2569™ ศึกฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกำลังจะมาถึงอเมริกาเหนือ โดยมีสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโกเป็นเจ้าภาพร่วม ทัวร์นาเมนต์ที่มี 48 ทีมชาติร่วมชิงชัย แฟนบอลทั่วโลกเตรียมสัมผัสเกมสุดมันส์ เห็นฟอร์มดาวรุ่งพุ่งแรง และร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ก่อนจะไปถึงไฮไลต์สำคัญอย่างรอบชิงชนะเลิศ ที่สะท้อนความยิ่งใหญ่ของฟุตบอลระดับโลกยุคใหม่



สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก
ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการรวม 48 ชาติ มาดวลแข้งกันในเมืองเจ้าภาพทั่วสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มี 3 ประเทศร่วมกันเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ถือเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมลูกหนังที่หลากหลายอย่างแท้จริง
แฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้ารอชมฟอร์มซูเปอร์สตาร์อย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้, จู๊ด เบลลิงแฮม ไปจนถึงเหล่าดาวรุ่งจากเอเชียและแอฟริกา โดยปีนี้จะมีรูปแบบการแข่งขันใหม่ รอบน็อกเอาต์ที่ขยายใหญ่ขึ้น และจำนวนผู้ชมที่คาดว่าจะทำลายสถิติเดิม ๆ
ฟุตบอลโลก 2569™ จึงถูกยกให้เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ตั้งใจจะนิยามประสบการณ์ฟุตบอลระดับโลกขึ้นใหม่ ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่อเมริกาเหนือ พร้อมช่วงเวลาอันน่าจดจำ เกมการแข่งขันสุดระทึก และอาจได้เห็นการขึ้นครองบัลลังก์แชมป์โลกคนใหม่บนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการกีฬา
เรียนรู้เพิ่มเติมฟุตบอลโลก 2565
ฟุตบอลโลก 2565 เป็นครั้งแรกที่ทัวร์นาเมนต์ลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกถูกจัดขึ้นในตะวันออกกลาง โดยสหพันธ์ฟีฟ่ามอบสิทธิ์เจ้าภาพให้กับกาตาร์ และนี่คือเวทีที่แฟนบอลทั่วโลกได้เห็น ลิโอเนล เมสซี สร้างตำนานบทใหม่ของตัวเอง ด้วยการพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำสถานะในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาล

กาตาร์
สรุปศึกฟุตบอลโลก 2565
ช้ายังดีกว่าไม่ทำเลย—ในวัย 35 ปี ลิโอเนล เมสซี ก็สามารถคว้าถ้วยแชมป์โลกที่เฝ้าฝันมานานได้สำเร็จ พร้อมพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ที่กาตาร์
นัดชิงชนะเลิศครั้งนั้นถูกยกให้เป็นหนึ่งในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อาร์เจนตินานำ 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรกจากเมสซีและอังเคล ดิ มาเรีย แต่ฝรั่งเศสพลิกเกมในครึ่งหลัง เมื่อ คีเลียน เอ็มบัปเป้ เหมายิงสองลูกติด ๆ กัน ตีเสมอ 2-2 เกมต้องยืดไปถึงช่วงต่อเวลา
เมสซีซัดอีกประตูในนาที 108 แต่อีกครั้งที่เอ็มบัปเป้ยิงจุดโทษตีเสมอเป็น 3-3 เกมสุดเดือดจบลงด้วยการดวลจุดโทษ และสุดท้ายอาร์เจนตินาดวลเป้าเฉือน 4-2 คว้าแชมป์โลกอย่างยิ่งใหญ่
ฟุตบอลโลก 2561
ฟุตบอลโลก 2561 ถือเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในยุโรปตะวันออก และยังเป็นครั้งแรกที่จัดบนสองทวีป ทั้งยุโรปและเอเชีย โดยมีรัสเซียรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนที่สุดท้าย ฝรั่งเศส จะผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่สองได้สำเร็จ หลังจากครั้งแรกเมื่อ 20 ปี

รัสเซีย
สรุป ฟุตบอลโลก 2561 ที่รัสเซีย
20 ปีหลังจากสวมปลอกแขนกัปตันพาฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลก ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กลับมาสร้างตำนานอีกครั้ง คราวนี้ในฐานะเฮดโค้ชที่พาทีม “เลส์ เบลอส์” ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
ปีนั้นยังเป็นเวทีแจ้งเกิดเต็มตัวของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวรุ่งวัย 19 ปี ที่โชว์ฟอร์มโดดเด่น พาฝรั่งเศสเดินหน้าคว้าชัยชนะอย่างสวยงาม
อีกด้านหนึ่ง โครเอเชีย ภายใต้การนำของ ลูก้า โมดริช ก็สร้างประวัติศาสตร์ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก และกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลทั่วโลก แต่สุดท้ายด้วยพลังเกมรุกของฝรั่งเศส ทั้งจาก อองตวน กรีซมันน์, เอ็มบัปเป้, ปอล ป็อกบา รวมถึงการทำเข้าประตูตัวเองของ มาริโอ มานด์ซูคิช ทำให้ “ตราไก่” คว้าชัยไปด้วยสกอร์ 4-2 พร้อมชูถ้วยแชมป์โลกสมัยที่สองได้อย่างยิ่งใหญ่
ฟุตบอลโลก 2557
ฟุตบอลโลก 2557 จัดขึ้นที่บราซิลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2493 และมอบช่วงเวลาอันน่าจดจำมากมาย เป็นที่จดจำมากที่สุดจากชัยชนะอันน่าทึ่งของเยอรมนีเหนือเจ้าภาพ 7-1 ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งนำไปสู่การคว้าแชมป์

บราซิล
สรุป ฟุตบอลโลก 2557 ที่บราซิล
เยอรมนีคว้าแชมป์โลกอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2557 ที่บราซิล ด้วยพลังเกมเหนือชั้นและฟอร์มการเล่นอันสุดยอดภายใต้การนำของ โยอาคิม เลิฟ
เกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือรอบรองชนะเลิศ เมื่อ อินทรีเหล็ก ไล่ถล่มเจ้าภาพบราซิลไปแบบสุดช็อก 7-1 หนึ่งในผลการแข่งขันที่สะเทือนวงการลูกหนังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ปูทางสู่การเข้าชิงกับอาร์เจนตินา
ต่างจากรอบรองฯ นัดชิงเต็มไปด้วยความสูสี จนต้องต่อเวลาพิเศษ และในที่สุด มาริโอ เกิทเซ่ ซูเปอร์ซับก็ซัดวอลเลย์สุดสวยพาเยอรมนีเฉือนชนะ 1-0 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ไปครอง พร้อมจารึกชื่อในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก 2553
ฟุตบอลโลก 2553 ถือเป็นครั้งแรกที่ศึกเวิลด์คัพถูกจัดขึ้นในทวีปแอฟริกา โดยมีแอฟริกาใต้รับหน้าที่เจ้าภาพ ทัวร์นาเมนต์นี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ เมื่อ ทีมชาติสเปน เอาชนะ เนเธอร์แลนด์ 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์โลกสมัยแรกในประวัติศาสตร์ชาติได้สำเร็จ

แอฟริกาใต้
สรุป ฟุตบอลโลก 2553 ที่แอฟริกาใต้
แม้จะเริ่มทัวร์นาเมนต์ด้วยความพ่ายแพ้อย่างช็อกต่อสวิตเซอร์แลนด์ในเกมเปิดสนาม แต่ สเปน ก็เรียกฟอร์มกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะไล่เก็บชัยเรื่อย ๆ จนทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ ด้วยการนำของแข้งดังอย่าง เซร์คิโอ รามอส, ชาบี, อันเดรส อิเนียสต้า และ ดาบิด บีย่า
ด้วยสไตล์การเล่นที่แม่นยำและการทำงานเป็นทีม ลา โรฆา ครองเกมในรอบน็อกเอาต์ได้อย่างเหนือชั้น และในนัดชิงกับ เนเธอร์แลนด์ เกมเต็มไปด้วยความดุเดือด ก่อนที่ อิเนียสต้า จะยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ พาสเปนเฉือนชนะ 1-0 คว้าแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ชัยชนะครั้งนั้นทำให้สเปนกลายเป็นชาติที่ 8 ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และยังเป็นชาติยุโรปทีมแรกที่ชูถ้วยในทัวร์นาเมนต์ที่จัดนอกยุโรป หลังจากก่อนหน้านี้ แชมป์ทุกครั้งที่เล่นนอกยุโรปตกเป็นของทีมจากอเมริกาใต้ทั้งหมด
ฟุตบอลโลก 2549
ฟุตบอลโลกปี 2549 ถือเป็นครั้งที่สองที่เยอรมนีรับหน้าที่เจ้าภาพ แต่เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นภายใต้สถานะประเทศเยอรมนีที่รวมชาติเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงอดีตเยอรมนีตะวันออกด้วยทัวร์นาเมนต์นี้ปิดฉากด้วยความยิ่งใหญ่ เมื่อ อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ได้สำเร็จ ถือเป็นการกลับมาชูถ้วยอีกครั้งในรอบ 24 ปี หลังจากครั้งก่อนที่ทำได้ในปี 2525 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน

เยอรมนี
สรุป ฟุตบอลโลก 2549 ที่เยอรมนี
เกมชิงเริ่มต้นด้วย ฝรั่งเศส ได้ประตูนำจากลูกจุดโทษของ ซีเนดีน ซีดาน ก่อนที่ มาร์โก มาเตรัซซี จะโหม่งตีเสมอให้ทีมอัซซูรีได้สำเร็จ ไฮไลต์ดราม่ามาถึงในช่วงต่อเวลา เมื่อซีดานถูกใบแดงไล่ออกจากสนามจากเหตุการณ์ “โขกหัว” ใส่มาเตรัซซี สร้างความตกตะลึงให้ทั้งโลก
เกมชิงเริ่มต้นด้วย ฝรั่งเศส ได้ประตูนำจากลูกจุดโทษของ ซีเนดีน ซีดาน ก่อนที่ มาร์โก มาเตรัซซี จะโหม่งตีเสมอให้ทีมอัซซูรีได้สำเร็จ ไฮไลต์ดราม่ามาถึงในช่วงต่อเวลา เมื่อซีดานถูกใบแดงไล่ออกจากสนามจากเหตุการณ์ “โขกหัว” ใส่มาเตรัซซี สร้างความตกตะลึงให้ทั้งโลก
ครบ 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และเป็น ฟาบิโอ กรอสโซ ที่สังหารลูกตัดสิน พาอิตาลีชนะฝรั่งเศส 5-3 ปิดฉากคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ได้อย่างยิ่งใหญ่
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงยุติความกระหายแชมป์นานถึง 24 ปี แต่ยังทำให้อิตาลีตอกย้ำสถานะหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกอีกด้วย
ฟุตบอลโลก 2545
ฟุตบอลโลก 2545 ถือเป็นครั้งแรกที่ศึกเวิลด์คัพเดินทางมาจัดในทวีปเอเชีย และยังเป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วมระหว่าง ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ทัวร์นาเมนต์นี้ปิดฉากด้วยความยิ่งใหญ่ เมื่อ บราซิล ภายใต้การนำของ โรนัลโด้ โชว์ฟอร์มสุดเฉียบ ยิง 2 ประตูพาทีมเอาชนะ เยอรมนี 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ได้สำเร็จ พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมากที่สุดในเวลานั้น


เกาหลีและญี่ปุ่น
สรุป ฟุตบอลโลก 2545 ที่ญี่ปุ่น–เกาหลีใต้
ฟุตบอลโลก 2541
ฟุตบอลโลกปี 2541 จัดขึ้นโดยฝรั่งเศสเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน (ครั้งแรกจัดขึ้นในปี 2481) ฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในบ้านเกิดได้สำเร็จ โดยเอาชนะบราซิล แชมป์เก่าไปได้อย่างขาดลอย 3-0

ฝรั่งเศส
สรุป ฟุตบอลโลก 2541 ที่ฝรั่งเศส
นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2541 จัดขึ้นที่ สตาดเดอฟรองซ์ เมืองแซงต์-เดอนีส์ และกลายเป็นค่ำคืนประวัติศาสตร์ของแฟนบอลเจ้าบ้านฝรั่งเศส
แมตช์หยุดโลกที่ทุกคนรอคอยระหว่าง ฝรั่งเศส และ บราซิล จบลงด้วยการแจ้งเกิดของ ซีเนอดีน ซีดาน ที่โหม่งสองประตูในครึ่งแรก ก่อนที่ เอ็มมานูเอล เปอตีต์ จะยิงปิดกล่องในช่วงทดเจ็บ ส่งผลให้ฝรั่งเศสถล่มบราซิล 3-0 คว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จ
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความสุขให้แฟนบอลทั้งประเทศ แต่ยังทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นชาติที่ 6 ที่คว้าแชมป์โลกในบ้านตัวเอง ต่อจากอุรุกวัย, อิตาลี, อังกฤษ, เยอรมนีตะวันตก และอาร์เจนตินา ถือเป็นจุดเริ่มต้นยุครุ่งเรืองของวงการฟุตบอลฝรั่งเศสอย่างแท้จริง
ฟุตบอลโลก 2537
ฟุตบอลโลกปี 2537 ถือเป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก และยังเป็นปีเดียวกับที่บราซิลกลายเป็นประเทศแรกที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ 4 สมัย

สหรัฐอเมริกา
สรุป ฟุตบอลโลก 2537 ที่สหรัฐอเมริกา
ทีมชาติบราซิล ที่เต็มไปด้วยสตาร์ดังอย่าง อัลแดร์, ดุงกา, เบเบโต และโรมาริโอ เถลิงแชมป์โลกสมัยที่ 4 หลังเฉือนชนะ อิตาลี ในนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2537 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
หลังเสมอกัน 0-0 ตลอด 120 นาที เกมเข้าสู่การดวลจุดโทษที่ตึงเครียด และเหตุการณ์ช็อกโลกก็เกิดขึ้นเมื่อ โรแบร์โต บาจโจ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของอิตาลี และเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ ยิงลูกสำคัญข้ามคานไปอย่างเหลือเชื่อ ทำให้บราซิลคว้าชัยชนะ 3-2 ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 94,000 คนในสนามโรสโบวล์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
ชัยชนะครั้งนั้นไม่เพียงย้ำให้โลกรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของ เซเลเซา แต่ยังเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ถูกจดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกอีกด้วย
ฟุตบอลโลก 2533
เยอรมนีตะวันตกคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ในปี 2533 ด้วยการเอาชนะอาร์เจนตินา 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศที่กรุงโรม สี่ปีหลังจากพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งเดิม เยอรมนีก็ได้แก้แค้นคืนได้สำเร็จ อันเดรียส เบรห์เม ยิงจุดโทษช่วงท้ายเกมช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะ ขณะที่ใบแดงสองใบของอาร์เจนตินายิ่งเพิ่มความได้เปรียบให้กับเกมชิงแชมป์ที่ดุเดือด

อิตาลี
สรุป ฟุตบอลโลก 2533 ที่อิตาลี
เยอรมนีตะวันตก แก้แค้น อาร์เจนตินา ได้สำเร็จในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2533 ที่กรุงโรม หลังเฉือนชนะไป 1-0 จากจุดโทษสุดเฉียบขาดของ อันเดรียส เบรห์เม ก่อนหมดเวลาเพียง 5 นาที สี่ปีหลังจากที่พ่ายให้ “ลา อัลบิเซเลสเต” ในนัดชิงที่เม็กซิโก
เกมนี้เต็มไปด้วยความดุเดือด อาร์เจนตินาจบเกมด้วยผู้เล่นเพียง 9 คน หลัง เปโดร มอนซอน และ กุสตาโว เดซอตติ ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม ทั้งสองทีมต่างกรุยทางมาถึงรอบชิงด้วยดราม่าดวลจุดโทษในรอบรองฯ เยอรมนีตะวันตกชนะอังกฤษ ส่วนอาร์เจนตินาล้มเจ้าภาพอิตาลี
สุดท้ายด้วยวินัย การควบคุมเกม และความมุ่งมั่น เยอรมนีตะวันตก ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ พร้อมล้างแค้นความผิดหวังจาก 4 ปีก่อนอย่างหมดจด
ฟุตบอลโลก 2529
อาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่สองในปี 2529 ซึ่งเป็นครั้งที่สองที่เม็กซิโกได้จัดการแข่งขัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเฉียบคมของดิเอโก มาราโดนา ประตูสุดสวย “หัตถ์พระเจ้า” อันเลื่องชื่อและลูกยิงสุดสวยของเขาที่ยิงใส่อังกฤษกลายเป็นตำนาน อาร์เจนตินาเอาชนะเยอรมนีตะวันตกไปได้ 3-2 ในรอบชิงชนะเลิศอันน่าตื่นเต้น โดยจอร์จ บูร์รูชากาเป็นผู้ทำประตูชัยหลังจากที่เยอรมนีพลิกกลับมาจากการตามหลังสองประตู

เม็กซิโก
สรุป ฟุตบอลโลก 2529 ที่เม็กซิโก
ดิเอโก มาราโดนา สร้างหนึ่งในตำนานฟุตบอลโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2529 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ตราตรึงใจแฟนบอลทั่วโลก ไฮไลต์สำคัญเกิดขึ้นในรอบก่อนรองชนะเลิศกับอังกฤษ เมื่อเขายิงสองประตูระดับประวัติศาสตร์ ทั้ง “หัตถ์พระเจ้า” อันลือลั่น และการเลี้ยงเดี่ยวครึ่งสนามที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดตลอดกาล
มาราโดนายังทำเพิ่มอีกสองประตูในรอบตัดเชือกกับเบลเยียม พาอาร์เจนตินาผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับ เยอรมนีตะวันตก เกมสุดดราม่าเมื่ออาร์เจนตินาถูกตีเสมอจาก 2-0 เป็น 2-2 แต่ในที่สุด จอร์จ บูร์รูชากา ยิงประตูชัยช่วงท้ายเกม ส่งให้อาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
มาราโดนาจบทัวร์นาเมนต์ด้วย 5 ประตู และช่วงเวลาสุดมหัศจรรย์นับไม่ถ้วน ตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะ “เทพเจ้าลูกหนัง” ผู้พาอาร์เจนตินาครองโลกครั้งนั้นตลอดกาล
ฟุตบอลโลก 2525
อิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่สามในปี 2525 ด้วยการเอาชนะเยอรมนีตะวันตก 3-1 ในรอบชิงชนะเลิศที่กรุงมาดริด เปาโล รอสซี โชว์ฟอร์มโดดเด่นตลอดการแข่งขัน จบการแข่งขันในฐานะดาวซัลโว หลังจากสร้างผลงานสุดช็อกใส่บราซิลและโปแลนด์ รอสซีก็ยิงประตูได้อีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ มาร์โก ทาร์เดลลี และอเลสซานโดร อัลโตเบลลี ช่วยกันทำประตูชัยให้อิตาลี

สเปน
สรุป ฟุตบอลโลก 2525 ที่สเปน
อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 และเป็นการกลับมาชูถ้วยอีกครั้งในรอบ 44 ปี หลังจากครั้งสุดท้ายในปี 2481 ด้วยการเอาชนะ เยอรมนีตะวันตก 3-1 ในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงมาดริด
ฮีโร่ของทัวร์นาเมนต์หนีไม่พ้น เปาโล รอสซี ที่ระเบิดฟอร์มสุดยอด ยิงรวม 6 ประตูในรอบน็อกเอาต์ เริ่มจากแฮตทริกในเกมสุดมันส์ที่อิตาลีเฉือนชนะบราซิล 3-2 ต่อด้วยอีก 2 ลูกในรอบรองฯ ที่เจอโปแลนด์ และในรอบชิงฯ ที่สนามซานติอาโก เบร์นาเบว รอสซียิงประตูเบิกร่อง ก่อนที่ มาร์โก ทาร์เดลลี และ อเลสซานโดร อัลโตเบลลี จะช่วยกันซัดเพิ่ม ส่งให้อัซซูรีปิดเกม 3-1
ชัยชนะครั้งนั้นคือการยืนยันการกลับมาของอิตาลีบนจุดสูงสุดของเวทีฟุตบอลโลก และทำให้ชื่อ เปาโล รอสซี ถูกจารึกตลอดกาลในประวัติศาสตร์ลูกหนังโล
ฟุตบอลโลกปี 2521
อาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 2521 บนแผ่นดินบ้านเกิด โดยเอาชนะเนเธอร์แลนด์ 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษในรอบชิงชนะเลิศ ภายใต้การนำของมาริโอ เคมเปส ดาวซัลโวสูงสุด ลา อัลบิเซเลสเต คว้าแชมป์ไปครอง ขณะที่เนเธอร์แลนด์ได้รองแชมป์อีกครั้ง บราซิลคว้าอันดับสามในการแข่งขันที่จัดขึ้นในทวีปอเมริกาใต้

อาร์เจนตินา
สรุป ฟุตบอลโลก 2521 ที่อาร์เจนตินา
อาร์เจนตินา คว้าแชมป์โลกครั้งแรกได้สำเร็จต่อหน้าแฟนบอลเจ้าถิ่นในปี 2521 โดยมี มาริโอ เคมเปส กองหน้าพลังสูงเป็นฮีโร่ ยิงไป 6 ประตู คว้ารองเท้าทองคำ และพาทัพ ลา อัลบิเซเลสเต ผ่านทัวร์นาเมนต์สุดดราม่าอย่างงดงาม
ในรอบชิงชนะเลิศที่สนาม เอสตาดิโอ โมนูเมนทัล เคมเปสยิงประตูขึ้นนำ ก่อนที่เนเธอร์แลนด์จะตีเสมอช่วงท้าย ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษ แต่เคมเปสยังแผลงฤทธิ์อีกครั้ง ด้วยการลากเดี่ยวสุดสวยยิงประตูที่สองของตัวเอง และ ดาเนียล เบอร์โตนี ซัดปิดกล่องให้เจ้าภาพชนะ 3-1
ชัยชนะครั้งนั้นจุดประกายการเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ทั่วกรุงบัวโนสไอเรส และทำให้อาร์เจนตินาผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรกได้อย่างทรงพลัง
ฟุตบอลโลกปี 2517
ฟุตบอลโลกปี 2517 จัดขึ้นที่เยอรมนีตะวันตก ทีมเจ้าบ้านคว้าแชมป์สมัยที่สองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะเนเธอร์แลนด์ 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ นับเป็นการปะทะกันระหว่างสไตล์การเล่นอันทรงพลังของเยอรมนีตะวันตกที่เอาชนะ ‘โททอลฟุตบอล’ อันล้ำสมัยของเนเธอร์แลนด์บนเวทีใหญ่ที่มิวนิก

เยอรมนี
สรุป ฟุตบอลโลก 2517 ที่เยอรมนีตะวันตก
เยอรมนีตะวันตก คว้าแชมป์โลกสมัยที่สองได้สำเร็จ หลังเฉือนชนะ เนเธอร์แลนด์ 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศที่มิวนิก เกมนี้ถูกจับตาเป็นพิเศษเพราะทัพกังหันสีส้มภายใต้สไตล์การเล่น “โททอล ฟุตบอล” กำลังมาแรงสุด ๆ หลังถล่ม อาร์เจนตินา 4-0 และชนะ บราซิล 2-0 ในรอบก่อนหน้า
นัดชิงเริ่มเพียงสองนาที โยฮัน นีสเคนส์ ยิงจุดโทษให้เนเธอร์แลนด์ออกนำเร็ว แต่เจ้าภาพไม่ยอมแพ้ พอล ไบรท์เนอร์ ซัดจุดโทษตีเสมอ ก่อนที่ เกิร์ด มุลเลอร์ ดาวยิงจอมอันตรายในกรอบเขตโทษ จะยิงประตูชัยพาอินทรีเหล็กคว้าแชมป์ไปครอง
แม้เนเธอร์แลนด์จะเปี่ยมด้วยพรสวรรค์และเล่นได้อย่างเหนือชั้นตลอดทัวร์นาเมนต์ แต่สุดท้ายพลาดท่าในเกมสำคัญ ขณะที่เยอรมนีตะวันตกได้ฉลองความสำเร็จบนแผ่นดินบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่
ฟุตบอลโลกปี 2513
ทีมชาติบราซิลชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2513 ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเข้าร่วมการแข่งขัน โดยสามารถเอาชนะอิตาลีในรอบชิงชนะเลิศที่สนามแอซเท็กได้สำเร็จ

เม็กซิโก
สรุป ฟุตบอลโลก 2513 ที่เม็กซิโก
บราซิล คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ได้อย่างยิ่งใหญ่ในปี 2513 พร้อมสร้างทีมที่ถูกยกย่องว่าแข็งแกร่งที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก นำโดย เปเล่, คาร์ลอส อัลแบร์โต, ทอสเตา และ ไฌร์ซินโญ่
ทัพเซเลเซากวาดชัยทุกนัดจนเข้าชิงกับ อิตาลี ที่สนาม อัซเตกา ท่ามกลางผู้ชมกว่า 100,000 คน และในแมตช์ชี้ชะตา พวกเขาโชว์ฟอร์มเหนือชั้นแบบวันเวย์ ก่อนถล่มเอาชนะ 4-1 โดยมี เปเล่ ยิงเปิดทาง และ คาร์ลอส อัลแบร์โต ซัดปิดท้ายอย่างสวยงาม
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงทำให้บราซิลได้แชมป์โลกสมัยที่ 3 แต่ยังตอกย้ำชื่อเสียง “เซเลเซา 1970” ว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยเห็น
ฟุตบอลโลกปี 2509
ฟุตบอลโลกปี 2509 ถือเป็นครั้งแรก และจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นทัวร์นาเมนต์เดียวที่อังกฤษคว้าแชมป์ระดับอีลิท พิเศษยิ่งกว่านั้น ชัยชนะครั้งนี้เกิดขึ้นบนแผ่นดินบ้านเกิด ต่อหน้ากองเชียร์ที่สนามเวมบลีย์อย่างกึกก้อง

อังกฤษ
สรุป ฟุตบอลโลก 2509 ที่อังกฤษ
อังกฤษ ผงาดคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จต่อหน้าแฟนบอลเจ้าถิ่นที่สนามเวมบลีย์ ปี 2509 หลังเอาชนะ เยอรมนีตะวันตก 4-2 ในรอบชิงชนะเลิศ ช่วงต่อเวลาพิเศษ
ฮีโร่ของเกมนี้คือ เจฟฟ์ เฮิร์สต์ ที่กลายเป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก โดยเฉพาะประตูที่สองของเขาซึ่งยังคงเป็นที่ถกเถียงจนทุกวันนี้ หลังลูกยิงกระดอนลงมาใต้คานและถูกตัดสินว่าเป็นประตูขึ้นนำ 3-2
ท้ายที่สุด เฮิร์สต์ยิงปิดกล่องได้ครบสามประตู พาทัพ “สิงโตคำราม” คว้าแชมป์โลกสมัยแรกอย่างยิ่งใหญ่ และกลายเป็นความทรงจำสุดคลาสสิกที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
ฟุตบอลโลกปี 2505
ฟุตบอลโลกปี 2505 ถือเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกที่ชิลีเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจัดขึ้นสองปีหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศในละตินอเมริกาแห่งนี้ บราซิลสร้างความพิเศษให้กับรายการนี้ด้วยการป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะเชโกสโลวาเกีย 3-1 แม้ว่าเซเลเซาจะเสียเปเล่ไปตั้งแต่ต้นการแข่งขันก็ตาม

ชิลี
สรุป ฟุตบอลโลก 2505 ที่ชิลี
บราซิล ป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ หลังเอาชนะ เชโกสโลวาเกีย 3-1 ในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงซานติอาโก ประเทศชิลี แม้จะไร้เงา เปเล่ ที่บาดเจ็บและไม่ได้ลงเล่นเกือบทั้งทัวร์นาเมนต์ แต่ทัพเซเลเซาก็ยังผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
เชโกสโลวาเกียออกนำก่อนจาก โจเซฟ มาโซปุสต์ นาทีที่ 15 ทว่าบราซิลก็ตอบกลับทันทีในอีก 2 นาทีถัดมาจาก อามาริลโด ก่อนที่ ซิโต และ วาว่า จะช่วยกันยิงเพิ่ม ปิดเกม 3-1 อย่างเด็ดขาด
แม้ เปเล่ จะฝากผลงานไว้เพียงประตูสุดสวยในเกมกับเม็กซิโก ก่อนต้องพักยาวจากอาการเจ็บ แต่ทีมยังมี การ์รินชา ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ โชว์ลีลาเลี้ยงบอลสุดพลิ้ว บวกวิสัยทัศน์และไหวพริบ จนพาเซเลเซาทะยานสู่บัลลังก์ลูกหนังโลกอีกครั้ง ย้ำชัดว่าบราซิลคือมหาอำนาจฟุตบอลของแท้
ฟุตบอลโลกปี 2501
ฟุตบอลโลกปี 2501 เป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในประเทศกลุ่มนอร์ดิก โดยมีสวีเดนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลกนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เปเล่ วัย 17 ปี ก้าวขึ้นสู่เวทีฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบราซิล ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพ 5-2 ที่กรุงสตอกโฮล์ม

สวีเดน
สรุป ฟุตบอลโลก 2501 ที่สวีเดน
บราซิล สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลกครั้งแรก หลังถล่ม สวีเดน เจ้าภาพ 5-2 ในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงสตอกโฮล์ม เกมนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ “ราชวงศ์ลูกหนังแซมบ้า” อย่างแท้จริง
สวีเดนออกนำก่อนจากลูกยิงของกัปตันทีม นิลส์ ลีดโฮล์ม แต่บราซิลพลิกกลับมาด้วยสองประตูของ วาว่า ขึ้นนำ 2-1 ตั้งแต่ครึ่งแรก
ครึ่งหลัง โลกทั้งโลกได้รู้จักชื่อ เปเล่ ดาวรุ่งวัยเพียง 17 ปี ที่โชว์ลีลาวอลเลย์สุดสวยเป็นประตู 3-1 ก่อนซัดเพิ่มอีกหนึ่งลูกปิดฉากสุดยิ่งใหญ่ ขณะที่ มาริโอ ซากัลโล ก็ยิงเสริมให้สกอร์ห่าง 4-1 แม้ ซิมอนสัน จะยิงไล่ให้สวีเดนในช่วงท้าย แต่ก็ไม่ทันเวลา บราซิลผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้อย่างงดงาม
ฟุตบอลโลกปี 2497
ฟุตบอลโลกปี 2497 เป็นที่รู้จักในฐานะทัวร์นาเมนต์แรกที่จัดขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของฟีฟ่า สิ่งที่ทำให้การแข่งขันครั้งนี้พิเศษกลับกลายเป็นความพลิกผันครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อเยอรมนีตะวันตกทีมรองบ่อนเอาชนะฮังการีไป 3-2 ในเกมที่เรียกกันว่า “ปาฏิหาริย์แห่งเบิร์น”

สวิตเซอร์แลนด์
สรุป ฟุตบอลโลก 2497 ที่สวิตเซอร์แลนด์
เยอรมนีตะวันตก สร้างหนึ่งในปาฏิหาริย์แห่งวงการลูกหนัง เมื่อพลิกเอาชนะ ฮังการี ทีมเต็ง 1 ของทัวร์นาเมนต์ ไปได้ 3-2 ในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงเบิร์น คว้าแชมป์โลกสมัยแรกมาครอง และแมตช์นี้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็น “ปาฏิหาริย์แห่งกรุงเบิร์น”
ฮังการีที่ไร้พ่ายมาตลอดออกนำอย่างรวดเร็ว 2-0 จาก เฟเรนซ์ ปุสกัส และ ซิบอร์ แต่เยอรมนีตะวันตกไม่ถอดใจ มอร์ล็อค ยิงตีไข่แตก และ เฮลมุต ราห์ม ซัดตีเสมอในนาที 18 ก่อนที่ราห์มจะกลายเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยในช่วง 6 นาทีสุดท้าย
ปุสกัสพยายามกู้ชื่อให้ฮังการีในช่วงท้าย แต่ประตูถูกตัดสินล้ำหน้า ทำให้แมตช์นี้กลายเป็นหนึ่งในเกมพลิกล็อกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก และเป็นจุดเริ่มต้นการผงาดของอินทรีเหล็กบนเวทีลูกหนังโลก
ฟุตบอลโลกปี 2493
ฟุตบอลโลกปี 2493 ถือเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยบราซิลเป็นเจ้าภาพครั้งแรก รอบชิงชนะเลิศจัดขึ้นที่สนามกีฬามาราคานาอันโด่งดัง ซึ่งทีมชาติเซเลเซาเป็นฝ่ายต่อชัยชนะ อย่างไรก็ตาม อุรุกวัยเอาชนะบราซิลไปได้อย่างหวุดหวิด 2-1 ในแมตช์ที่รู้จักกันในชื่อ “มาราคานาโซ”

บราซิล
สรุป ฟุตบอลโลก 2493 ที่บราซิล
นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2493 ที่สนาม มาราคานา ถูกจดจำในฐานะหนึ่งในความพลิกล็อกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก เมื่อ อุรุกวัย หักอกแฟนบอลเจ้าภาพกว่า 173,000 คน ด้วยการพลิกแซงชนะ บราซิล 2-1
เกมนี้บราซิลออกนำก่อนจาก ฟรีอากา ในนาที 47 ทำให้ทั้งสนามแทบจะเริ่มฉลอง แต่เพียงไม่นาน ฮวน อัลแบร์โต ชาฟฟิโน ก็ตีเสมอให้ทีมเยือนในนาที 66 และความช็อกครั้งใหญ่ก็มาถึงเมื่อ อัลซิเด กิกเกีย ยิงประตูชัยในนาที 79 ส่งอุรุกวัยคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ไปครอง
ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นของบราซิลถูกเรียกว่า “มาราคานาโซ” หรือ “หายนะมาราคานา” กลายเป็นตำนานที่ยังคงถูกเล่าขานจนถึงทุกวันนี้
ฟุตบอลโลกปี 2481
ฟุตบอลโลกปี 2481 ถือเป็นการแข่งขันครั้งที่สามของทัวร์นาเมนต์ และเป็นทัวร์นาเมนต์แรกที่แชมป์เก่า (อิตาลี) กลับมาคว้าแชมป์สองสมัยติดต่อกัน แต่น่าเสียดายที่อิตาลีสามารถป้องกันแชมป์ได้สำเร็จหลังจากที่ทีม Gli Azzurri เอาชนะฮังการี 4-2 ในรอบชิงชนะเลิศต่อหน้าแฟนบอลที่ชื่นชมในปารีส

ฝรั่งเศส
สรุป ฟุตบอลโลก 2481 ที่ฝรั่งเศส
อิตาลี สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ติดต่อกัน หลังเอาชนะ ฮังการี 4-2 ในนัดชิงชนะเลิศที่ปารีส กลายเป็นชาติแรกที่สามารถป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลกได้สำเร็จ ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะปะทุขึ้น
เกมนี้ จิโน โคเลาส์ซี ยิงขึ้นนำตั้งแต่ต้น ก่อนที่ฮังการีจะตีเสมอได้ แต่ ซิลวิโอ ปิโอลา และโคเลาส์ซียิงเพิ่มอีกสองประตูให้อิตาลียึดความได้เปรียบไว้ และสุดท้ายปิโอลาก็ซัดประตูที่สองของตัวเองปิดเกม ช่วยให้อิตาลีคว้าแชมป์ได้อย่างเด็ดขาด
ซิลวิโอ ปิโอลา คือฮีโร่ของเกม ด้วยสองประตูและการเคลื่อนไหวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้ชัยชนะครั้งนี้ถูกจารึกว่าเป็นหนึ่งในความยิ่งใหญ่ที่สุดของทัพ “อัซซูรี”
ฟุตบอลโลกปี 2477
ฟุตบอลโลกปี 2477 ถือเป็นครั้งที่สองของทัวร์นาเมนต์ แต่เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในยุโรป โดยอิตาลีได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ ในการแข่งขันครั้งที่สองติดต่อกัน ทีมเจ้าภาพสามารถคว้าชัยชนะได้สำเร็จ หลังจากที่ทีม Gli Azzurri เอาชนะเชโกสโลวาเกีย 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ต่อหน้าแฟนบอลที่ส่งเสียงเชียร์ดังกึกก้อง

อิตาลี
สรุป ฟุตบอลโลก 2477 ที่อิตาลี
อิตาลี คว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จต่อหน้าแฟนบอลเจ้าถิ่น หลังเอาชนะ เชโกสโลวาเกีย 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในนัดชิงชนะเลิศที่กรุงโรม
เกมนี้แฟนบอลเจ้าบ้านถึงกับเงียบกริบ เมื่อ อันโตนิน ปุช ยิงให้อาคันตุกะออกนำในนาที 71 แต่เพียง 10 นาทีถัดมา ไรส์มุนโด ออร์ซี ยิงประตูตีเสมอให้ทีม กลับมามีหวังอีกครั้ง ก่อนที่ อันเจโล สเคียวิโอ จะสวมบทฮีโร่ ยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ พา “อัซซูรี” เถลิงแชมป์อย่างยิ่งใหญ่
ฟุตบอลโลกปี 2473
ฟุตบอลโลกปี 2473 ถือเป็นการแข่งขันนัดแรกในอุรุกวัย สิ่งที่ทำให้การแข่งขันครั้งนี้พิเศษสุดสำหรับเจ้าภาพคือการที่แฟนบอลเจ้าบ้านต่างประทับใจกับทีมชาติชายอุรุกวัย หรือที่รู้จักกันในชื่อ ลา เซเลสเต ที่ได้รับตำแหน่งแชมป์ อุรุกวัยเอาชนะอาร์เจนตินา 4-2 ในรอบชิงชนะเลิศที่สนามเอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ

อุรุกวัย
สรุป ฟุตบอลโลก 2473 ที่อุรุกวัย
อุรุกวัย ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยแรกในประวัติศาสตร์ ต่อหน้าแฟนบอลเจ้าถิ่นที่ เอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ กรุงมอนเตวิเดโอ หลังเอาชนะคู่ปรับร่วมทวีปอย่าง อาร์เจนตินา 4-2 ในนัดชิงชนะเลิศสุดระทึก
แม้จะตามหลัง 1-2 ในครึ่งแรก แต่ทัพ ลา เซเลสเต กลับมาสู้ด้วยหัวใจเกินร้อย ยิงแซงจาก เปโดร เซอา, ซานโตส อิริอาร์เต และ เอคตอร์ คาสโตร พลิกเกมจนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ โดยมี โฆเซ่ เลอันโดร อันดราเด มิดฟิลด์ตัวเก่งโชว์ฟอร์มโดดเด่น คุมเกมกลางสนามด้วยสปีดและทักษะอันเหนือชั้น
ชัยชนะครั้งนั้นไม่เพียงทำให้อุรุกวัยกลายเป็นชาติแรกที่ได้ชูถ้วยฟุตบอลโลก แต่ยังจารึกชื่อพวกเขาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์กีฬาโลกอย่างยิ่งใหญ่